ทำความเข้าใจ Future Simple Tense

Future Simple Tense

Future Simple Tense

เห็นคำว่า “future” เดาได้เลยค่ะว่า tense นี้ต้องเกี่ยวข้องกับอนาคตแน่นอนค่ะ   โครงสร้างของ tense นี้จะมีคำว่า will (จะ) เข้ามาเกี่ยวข้อง

โครงสร้างของ tense คือ

          ประโยคบอกเล่า : Subject + will + V. infinitive…

          ประโยคปฏิเสธ : Subject + will not / won’t + V. infinitive…

          ประโยคคำถาม : Will + subject + V. infinitive…?

          ประโยคคำถาม แบบ Wh :  Wh-Question + will + subject + V. infinitive…?

** V. infinitive คือ คำกริยารูปธรรมดาที่ไม่มีการเติม การผัน การเปลี่ยนรูปใดๆทั้งสิ้น

Tense นี้ง่ายมากค่ะ เพราะไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ใช้ will ได้โลดค่ะ

การใช้ tense นี้บ่งบอกถึงสิ่งที่ “จะ” กระทำในอนาคต แต่คำว่า “จะ” เนี่ยมันก็ยังสื่อความหมายโดยนัยได้หลายอย่าง ดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ความเต็มใจที่จะกระทำ เช่น เสนอตัวว่าจะทำอะไรให้ใคร หรือช่วยเหลือ เช่น

  • I will give you a ride. ผมจะขับรถไปส่งคุณเอง
  • I will have the maid clean your room.  ผมจะให้แม่บ้านไปทำความสะอาดห้องคุณ

2. การให้สัญญา เช่น

  • I will love you forever.   ฉันจะรักคุณตลอดไป
  • I won’t lie to you anymore.   ผมจะไม่โกหกคุณอีก

3. การทำนาย หรือการคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น

  • The price of food will be higher next year.
    ราคาอาหารจะสูงขึ้นในปีหน้า (เป็นการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้น)

ในกรณีนี้ อาจจะมีวลี to be going to เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเป็นการบอกถึงอนาคตเหมือนกัน แต่…!! ถ้าใช้ to be going to จะเป็นการทำนายที่มีหลักฐานที่ชัดเจนทำให้การคาดการณ์น่าเชื่อหรือมีความเป็นไปได้สูง เช่น

  • It’s going to rain. ฝนจะตก (ซึ่งขณะที่พูด อาจจะเห็นเมฆดำมาแต่ไกล)

นอกจากนี้ to be going to ยังบอกถึงแผนการที่วางเอาไว้ ซึ่งเราจะไม่ใช้ will ค่ะ เช่น

  • Tanu is going to spend his summer in Phuket.
    ธนูตั้งใจว่าจะใช้วันหยุดฤดูร้อนที่ภูเก็ต
  • They are going to leave for Japan at 7 a.m. tomorrow.
    พวกเขาจะไปญี่ปุ่นตอน 7 โมงในวันพรุ่งนี้

** สองเหตุการณ์นี้บอกถึงแผนการในอนาคต เราจะใช้ will ก็ต่อเมื่อจะพูดถึงสิ่งที่จะทำโดยปัจจุบันทันด่วน ไม่มีการวางแผนมาก่อน มีการตัดสินใจเดี๋ยวนั้น เช่น

A: Your boyfriend called you at 9 o’clock.
B: Thank you. I’ll call him back later.

ซึ่ง B ไม่รู้มาก่อนว่า A โทรมาจึงตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าจะโทรกลับ แต่ถ้า B รู้อยู่แล้ว ประโยคก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ

B: I know it. Thank you. I’m going to call him back when I have time.